วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Refresh your life คลายเหนื่อยล้าด้วยอาหาร


คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม?...ตอน เช้าลุกออกจากเตียงไม่ค่อยไหว...ตอนบ่ายพลังงานลดลงตกต่ำและรู้สึกง่วงเหงา หาวนอน...พอถึงบ้านตอนเย็นก็ล้มฟุบลงบนโซฟาทันที ความรู้สึกเหนื่อย หมดแรง เมื่อยล้าเหมือนพลังงานถูกดูดออกไปหมดเกิดขึ้นได้กับทุกคน

แต่ถ้า ความรู้สึกอ่อนเพลียเช่นนี้เป็นปัญหาเรื้อรัง คุณอาจต้องมาหาสาเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ การขาดการออกกำลังกาย การอดหลับอดนอน การมีความเครียด การมีโรคภัยไข้เจ็บ การรับประทานยาบางชนิด และการมีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี

ทุกคนทราบดีว่าอาหารให้พลังงานกับร่างกาย แต่มีอาหารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้าได้เหมือนกัน ดังนี้เราควรเลือกรับประทานอย่างไรเพื่อให้มีแรงทำงานทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำต่อไปนี้



รับประทานอาหารมื้อเช้า
เริ่มต้นวันใหม่ คนส่วนมากมักเร่งรีบออกไปทำงาน ไปโรงเรียน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการโภชนาการของร่างกายมากนัก ใครบ้างจะมีเวลารับประทานอาหารเช้า? อาหารเช้าจึงมักเป็นมื้ออาหารที่ถูกลืม

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าอาหารเช้าเพิ่มสมาธิและความว่องไวไหวพริบ ช่วยป้องกันการรับประทานจุบจิบเกินจำเป็นในช่วงบ่าย และช่วยป้องกันโรคอ้วนได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รับประทานอาหารเช้าที่มีคาร์โบไฮเดรต แป้งที่มีเส้นใยอาหารสูงควบคู่กับอาหารประเภทโปรตีน ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ เต้าหู้ นม ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน

ตัวอย่างอาหารเช้าง่ายๆ เช่น แซนวิชทูน่า ขนมปังหน้าชีส โจ๊กข้าวโอ๊ตใส่ผลไม้แห้ง โยเกิร์ตโรยหน้าด้วยธัญญาหาร ไข่กวนหรือออมเลต ใส่ขนมปังปิต้า ข้าวกล้อง + ไข่พะโล้ + ผัดผัก ข้าวต้มปลา เป็นต้น ควรเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง (และส่วนมากมักมีไขมันสูงมาคู่กันด้วย) เพราะนอกจากมีแคลอรีสูง คุณค่าทางโภชนาการต่ำแล้วยังไม่ทำให้อิ่มท้องได้นาน ภายใน 1-2 ชั่วโมงอาจรู้สึกหิวอีก

เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
อาหารประเภทแป้งได้ถูกกล่าวหาว่าทำให้อ้วน ไม่ดีต่างๆ นานา แต่อาหารประเภทแป้งนี้จะถูกนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่ สุด หรืออีกนัยหนึ่ง คือร่างกายจะเลือกเอาแป้งมาใช้เป็นพลังงานก่อน การรับประทานอาหารแบบโปรตีนสูง แป้งต่ำ อาจทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในระยะแรกๆ แต่ร่างกายจะเริ่มรู้สึกหมดแรงลงเมื่อรับประทานเช่นนี้ไปนานๆ

วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ร่างกายได้นำพลังงานไปใช้ให้ได้มากที่สุด คือการเลือกรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมากหน่อย และเลือกคาร์โบไฮเดรตประเภทน้ำตาลน้อยหน่อย

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือ complex carbohydrate ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ธัญพืช เมล็ดถั่ว (ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว เป็นต้น) และผักที่มีแป้งสูง ได้แก่ ผักหัวต่างๆ ผลไม้และน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว (simple carbohydrate) น้ำตาลในขนมหวาน น้ำหวานเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวเช่นกัน แต่มีคุณค่าทางอาหารต่ำ อาหารประเภทนี้จะย่อยและให้พลังงานสูงสุดภายในระยะเวลา
สิ่งต้องระวัง เพื่อไม่เป็นการทำร้ายดวงตา


สิ่งที่สาวๆ ต้องระวัง เพื่อไม่เป็นการทำร้ายดวงตาของเราเอง ...

- ครีมบำรุงสำหรับผิวหน้าบางประเภท ไม่เพียงแต่จะไม่มีประสิทธิภาพในการบำรุงดวงตาที่ดีแล้ว ยังอาจจะทำให้ตาเกิดอาการบวมได้อีกด้วย

- ลดการบริโภคอาหารรสเค็ม เพราะจะก่อให้เกิดอาการตาบวมได้

- หลีกเลี่ยงการโดนลมแรงและแสงแดดเจิดจ้า เพราะจะทำให้ตาแห้ง

- เลี่ยงการถูกกระทบกระแทกรอบดวงตา

- ไม่ใช้สายตาจดจ่อกับอะไรสักอย่างแบบต่อเนื่องนานเกินไปเป็นประจำ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์

- เลิกพฤติกรรมการนอนคว่ำเอาหน้าถูหมอน

- ไม่เอามือสกปรกขยี้ตา ถ้ากลัวเผลอก็ต้องพยายามล้างมือด้วยสบู่ขจัดแบคทีเรียทุกครั้งหลังจากไปจับสิ่งของสกปรก

- เลือกใช้เครื่องสำอางสำหรับแต่รอบดวงตาที่มั่นใจได้จริงๆ ว่าปลอดภัย ไม่มั่วนิ่ม เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา นอกจากจะทำให้ดวงตาอักเสบ แสบ มีน้ำตาไหลไม่หยุดแล้ว อาจจะทำให้ผิวรอบดวงตาเกิดแพ้ เป็นเม็ด อักเสบ หรือสีผิวเปลี่ยนแปลงได้อีกด้วย

- ไม่ควรสรรหาสารพัดครีมบำรุง หรือสมุนไพรต่างๆ นานามาใช้บำรุงรอบดวงตา เพราะผิวบริเวณรอบดวงตานี้อ่อนบางมากกว่าส่วนอื่นๆ ของใบหน้า จึงเสี่ยงต่อการที่สารต่างๆ จากสิ่งที่นำมาสัมผัสกับตาจะหลุดรอดเข้าสู่ดวงตาให้เป็นอันตรายได้

- เลี่ยงการใช้ยาหยอดตาโดยไม่จำเป็น ถ้าต้องผจญอยู่ท่ามกลางมลพิษ จนดวงตาเกิดความระคายเคืองซึ่งอาจจะเป็นฝุ่นผงก็ควรใช้วิธีล้างตาด้วยน้ำ สะอาดหรือน้ำยาล้างตา โดยกรอกตาไปมาในน้ำ แต่ถ้าดวงติดเชื้อ จนต้องใช้ยาหยอดจริงๆ สิ่งที่ต้องระวัง คือ ....

+ ใช้ยาหยอดตาเฉพาะของตัวเอง อย่างก ไปขอยืมชาวบ้าน มิฉะนั้นคุณอาจติดเชื้อจากคนอื่นได้

+ ยาหยอดตาที่เปิดขวดไปแล้ว จะมีอายุต่อจากนั้นไปไม่เกิน 1 เดือน เพราะถึงแม้จะปิดฝาสนิท เก็บมิดชิดอย่างดี ก็อาจจะเกิดการปนเปื้อนได้อยู่ดีล่ะ

+ ไม่ควรหยอดตาบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น เพราะนัยน์ตามีน้ำหล่อเลี้ยงธรรมชาติอยู่ การหยอดตาหรือล้างตาบ่อยๆ จะทำลายภูมิคุ้มกันของน้ำตาให้หมดไป จนอาจจะทำให้ความระคายเคืองทวีความรุนแรงขึ้น

ถ้าปฏิบัติตามได้ครบหมดตามนี้ทุกข้อ รับรองว่าดวงตาคู่งามจะอยู่กับคุณไม่หนีหายไปไหนค่ะ

ข้อสังเกต ว่าคุณต้องการ "วิตามินซี" เสริม หรือยัง?


ถ้า พูดถึง วิตามินซี เราทุกคนคงทราบถึงประโยชน์ในการป้องกันรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน แหล่งของวิตามินซีได้แก่ อาหารจำพวกผักและผลไม้สด

ในแต่ละวันร่างการของเราควรได้รับวิตามินซีอย่าง น้อย 60-100 มก. แต่จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ชั้นสูง พบว่าการได้รับวิตามินซีในปริมาณที่สูงถึง 1000 มก. มีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้
ลองสังเกตตัวคุณเองดูสิคะว่า... ถึงเวลาหรือยังที่ร่างกายของคุณต้องเสริมวิตามินซี

1. เป็นหวัด ไม่สบายบ่อย ร่างกายอ่อนแอ แม้ว่าวิทยาการทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าไปมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่สามารถคิดค้นวิธีป้องกันรักษาโรคหวัดได้ อาวุธเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์มีเพื่อใช้รับมือกับเชื้อไวรัส ต้นเหตุของโรคหวัดก็คือ ระบบภูมิต้านทานของเราเอง วิตามินซีช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นกลไกหลักของระบบภูมิต้านทาน พร้อมทั้งยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส จึงให้ผลในการป้องกันรักษาโรคหวัดได้เป็นอย่างดี

2. เป็นโรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิต้านทานที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม รอบ ตัว อาทิ ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ สารเคมีเร็วเกินไป เซลล์เม็ดเลือดขาวจะถูกกระตุ้น และปล่อยสารที่เรียกว่าฮีสตามีน ก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้น วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ฮีสตามีนธรรมชาติ ทั้งยังช่วยปรับระบบภูมิต้านทานให้คืนสู่สภาวะสมดุล จึงสามารถบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเหมือนยาต้านภูมิแพ้ทั่วไป

3. มีความเครียด ความเครียดจากการทำงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ ล้วนส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น ไมเกรน นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย เบื่อหน่าย แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ไซนัสอักเสบ ตลอดจนบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานให้ลดน้อยลง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่อยู่ในภาวะตึงเครียด ร่างการจะต้องการวิตามินซีในปริมาณที่สูงกว่าปกติ

4. สัมผัส หรืออยู่ท่ามกลางมลภาวะ มลภาวะรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น เขม่าควันจากท่อไอเสีย ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนเป็นแหล่งที่มาของอนุมูลอิสระ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดความผิดปกติในการทำงานและความเสื่อม ของอวัยวะส่วนต่าง ๆ เช่น แก่ก่อนวัย ไขข้ออักเสบ ต้อกระจก มะเร็ง วิตามินซี จัดเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยจะปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานของเอนไซม์บางตัวที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ



5. ผิวพรรณร่วงโรย เกิดริ้วรอยก่อนวัย พื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นอยู่กับ ลักษณะของคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยโปรตีนที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนังไว้ด้วยกัน รวมถึงรักษาสมดุลแรงยืดหดกล้ามเนื้อ หากคอลลาเจนแข็งแรง ผิวพรรณก็จะมีความยืดหยุ่น กระชับ ด้วยเหตุนี้ปัญหาผิวพรรณที่เกี่ยวกับความหยาบกระด้าง ริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย จึงมักมีสาเหตุจากการเสื่อมประสิทธิภาพของคอลลาเจน วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ดังนั้นการได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอจึงเท่ากับเป็นการบำรุง ผิวพรรณให้นุ่มนวล เปล่งปลั่งสดใส แลดูอ่อนเยาว์ ทั้งยังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยหมองคล้ำ

6. สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นประจำ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอนุมูลอิสระจำนวนมากในร่างกาย ร่างกายจึงมีความจำเป็นต้องดึงเอาวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระมาใช้งาน ในขณะที่การดื่มสุรา แอลกอฮอล์จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมวิตามินซีของร่างกาย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นประจำจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับ วิตามินซีไม่เพียงพอ

7. เข้าสู่วัยสูงอายุ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบย่อยและดูดซึมอาหาร ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงมักจะต้องเผชิญกับภาวะขาดสารอาหาร การได้รับวิตามินซีเสริมจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งยังช่วยลดโคเลสเตอรอล อันเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาระบบไหลเวียนโลหิต โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ

8. ผู้ชายที่มีบุตรยาก จากการศึกษาผู้ที่มีภาวะเชื้อสเปิร์มบกพร่อง พบว่ามีภาวะขาดแคลนวิตามินซี นอกจากนี้รายงานผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าหากระดับวิตามินซีในเชื้ออสุจิ ลดน้อยลง จะก่อให้เกิดความผิดปกติใน DNA อันเป็นสาเหตุของความพิการแต่กำเนิดของทารก รวมถึงโรคทางพันธุกรรม

9. รับประทานยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดมีฤทธิ์ขับไล่วิตามินซีออกจากร่างกาย ส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานต่ำ การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง ก่อให้เกิดภาวะโลหิตจาง ดังนั้นสตรีที่อยู่ในช่วงรับประทานยาคุมกำเนิดจึงควรได้รับวิตามินซีเสริม

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เช็คโรคจากอาการปวดท้อง

เช็คโรคจากอาการปวดท้อง
ใครที่มักจะปวดท้องบ่อย ๆ แต่ไม่รู้ว่าปวดท้องเพราะอะไร เรามีวิธีการเช็คโรคจากอาการปวดท้องมาบอก...

ปวดท้อง
- ปวดท้องด้านขวาตอนบน ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้อง มักเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี

- ปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร แอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาการไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน บางครั้งโรคต่างๆที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่ เป็นแอ่งได้

- ปวดท้องส่วนกลาง ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุมาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มขึ้นที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง

- ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นหมายถึงอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

- ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาการอักเสบของลำไส้

- ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกันพร้อมกับ อาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)


ครั้งหน้าปวดท้อง อย่าลืมตรวจดูว่าอาการปวดท้องนั้นเกิดจากอะไร จะได้รักษาได้ถูกอาการ.

รักษาตัวให้ห่างไกล ไข้หวัดเม็กซิโก

รักษาตัวให้ห่างไกล ไข้หวัดเม็กซิโก

ไข้หวัดเม็กซิโก, สุขภาพ, ไข้หวัดหมู



ช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะกล่าวได้ว่าเป็นสัปดาห์ ของ "ไข้หวัดหมู" ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น "ไข้หวัดเม็กซิโก" เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวเป็นการติดจากคนสู่คนไม่ใช่จากหมูสู่คน

แต่ ที่เรียกชื่อไข้หวัดหมูในระยะแรก เพราะเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ เอชหนึ่ง เอ็นหนึ่ง (H1N1) นี้ มีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหมูผสมอยู่ด้วย

เชื้อ ไข้หวัดเม็กซิโกแพร่ติดต่อเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนโดยทั่วไป ผ่านการไอ จาม และน้ำลาย โดยเชื้อที่อยู่ในเสมหะน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย จะแพร่ ไปยังผู้อื่นในระยะใกล้ชิด หรือติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ไม่ติดต่อจากการกินเนื้อหมู

ในส่วนของผู้ที่มีอาการป่วย ลองสังเกตดูว่ามีอาการ คล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือไม่ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่เชื้อ และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด ควรทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน เช่น ลูกบิดประตู ตู้โต๊ะเตียงต่างๆ ให้สะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดธรรมดา

คนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการป่วยไข้ ควร รักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัก ผลไม้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ล้างมือบ่อยๆ

ผู้ที่มีแผนการเดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเม็กซิโก ควรติดตามสถานการณ์และคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

สำทับ กันอีกครั้งหนึ่งว่า ถึงแม้โรคไข้หวัดเม็กซิโกนี้ จะไม่ได้ติดต่อผ่านการกินหมู แต่ก็ควรจะต้องบริโภคหมูที่สุกแล้วจะเป็นการปลอดภัยกว่า อย่าลืมว่าการปรุงหมู ให้สุกด้วยอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไปก็จะฆ่าเชื้อไวรัสลงได้แล้ว

หากมีข้อ สงสัย ติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0-2590-3333 และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข http://www.moph.%20go.th/

อาหารเพื่อวันนั้นของเดือน

อาหารเพื่อวันนั้นของเดือน
PMS (Premenstrual Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นก่อนการมีประจำเดือน อย่างเช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน เป็นตะคริว อ่อนเพลีย หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย เป็นต้น

เมื่อใกล้ถึงวันนั้นของเดือน ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีอาการดังกล่าวมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ป้องกันหรืออย่างน้อยที่ก็บรรเทาได้หาก "เลือก" หรือ "เลี่ยง" การรับประทานอาหารบางประเภทในช่วงเวลาที่มีประจำเดือน


วันนั้นของเดือน, ปวดท้อง



เลือก

แมงกานีส นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าแมงกานีสช่วยให้การมีประจำเดือนดำเนินไปอย่าง ปกติ ช่วงที่มีประจำเดือนจึงควรรับประทานอาหารที่มีแมงกานีสได้แก่ ธัญพืช ถั่ว ผัก และผลไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสับปะรด ชาแม้จะเป็นอาหารที่มีแมงกานีสเช่นกัน แต่ก็มีกาเฟอีนซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวได้

แคลเซียม ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจากที่เคยรับประทาน อยู่เป็นประจำ เช่น ตับ ปลาตัวเล็กตัวน้อย กะปิ กุ้ง ผักใบเขียวเช่นคะน้า เพราะผลวิจัยพบว่า แคลเซียมช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการมีประจำเดือน เช่น ปวดท้อง ปวดหลัง หงุดหงิด วิตกกังวล ซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

คาร์โบไฮเดรต เวลาปกติผู้หญิงอาจไม่สนใจอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากนัก แต่ช่วงมีประจำเดือน คาร์โบไฮเดรตคืออาหารที่ช่วยลดผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอารมณ์ลงอย่าง ได้ผล ผลการวิจัยจากศูนย์ศึกษาวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้หญิงที่รับประทานคาร์โบไฮเดรตในช่วงดังกล่าวช่วยลดอาการหงุดหงิด เครียด อารมณ์สีย รวมถึงอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด เพราะคาร์โบไฮเดรตช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเซอโรโทนินซึ่งทำให้อารมณ์ดี มีจิตใจแจ่มใสขึ้น ถ้ากลัวว่าการรับประทานคาร์โบไฮเดรตในช่วงเวลามีประจำเดือนจะทำให้น้ำหนัก ตัวเพิ่มขึ้นก็ควรเลือกรับประทานคาร์โบไฮดรตที่มีคุณภาพ เช่น ธัญพืชหรือข้าวกล้อง เป็นต้น



หลีกเลี่ยง

กาเฟอีน ผลการวิจัยพบว่าผู้หญิงจีนที่ดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วยครึ่งถึงสี่ถ้วย มีอาการต่างๆ ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ก่อนการมีประจำเดือนมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเครื่อง ดื่มเหล่านี้ถึง 2 เท่า จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนในช่วงเวลาดังกล่าวโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งคนที่ร่างกายอ่อนไหวต่อการบริโภคกาเฟอีนอยู่แล้ว

ไฝ 2

ไฝที่หลังมือขวา

เป็นบุคคลที่ไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ชอบประกอบการงานแทบทุกอย่าง จึงประสบกับความสำเร็จในการสร้างฐานะตนเองได้ลาภยศทุกประการ

ไฝที่ข้อมือขวา

จะเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่ทำงานชนิดมือไม่หยุดนิ่ง

ไฝที่ขาอ่อน

จะ เป็นด้านหน้าหรือด้านหลังก็ตาม ท่านว่า บุคคลนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนอารมณ์ดี ปรับตนเข้ากับบุคคลได้ทุกประเภท ชอบในการท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ


กระเนื้อ

กระเนื้อ
กระ เนื้อพวกนี้เป็นผลมาจาก การเจริญเติบโตมากผิดปรกติของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า เชื่อว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุ มักพบในคนที่มีอายุ 30 ปี ขึ้นไป

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ มักมีประวัติเป็นในครอบครัวเดียวกัน และจะพบมากขึ้นเมื่อกำลังตั้งครรภ์ได้ จะพบได้บ่อยบริเวณใบหน้า ลำคอ ศีรษะ หน้าอกและหลัง


ระยะแรกจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อน แล้วจะค่อย ๆ ขยายใหญ่ นูนหนาขึ้น สีเข้มขึ้น และผิวขรุขระมากขึ้น

โดยเฉพาะถ้าถูกรบกวนแกะเกา ก็จะนูนหนาได้มาก บางทีอาจมีก้านเล็ก ๆ ทำให้ยื่นออกมาเป็นติ่งเนื้อ ถ้าอยู่ในบริเวณที่เสียดสีง่าย หรือแกะเกาบ่อย จะทำให้มีเลือดออกได้



ถ้ากระเนื้อไม่ได้ เกิดขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว จะไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปรกติในร่างกายเพียงแต่จะแลดูไม่สวยงาม ซึ่งก็สามารถกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย โดยการจี้ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ โดยใช้ยาชาชนิดทา ทาตรงบริเวณที่เป็นแล้วรอประมาณ 45 นาที ก็สามารถจี้ออกได้ในเวลาอันไม่นาน จะมีรอยแผลถลอกตื้น ๆ ซึ่งจะหายภายใน 1 สัปดาห์


เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้าคุณกำลังต้องการกำจัดกระเนื้อออกไปจากใบหน้าสวย ๆ ของคุณก็จงอย่ารอช้า รีบมาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้ มาตรฐานนะคะ

ไฝ

ไฝที่ตรงริมฝีปากทั้งด้านขวาและซ้าย (ริมฝีปากบน)

ท่าน ว่าเป็นคนชอบเจรจาพาที พูดจาหว่านล้อมดี เป็นคนที่มีชะตาสูงมาก ทำการใดมักสำเร็จผลอย่างดียิ่ง จะได้คู่ครองที่พึ่งพาอาศัยได้อย่างดียิ่งนัก

ถ้าเป็นหญิง ไม่สู้จะ ดีนัก เพราะเป็นคนชอบเอาแต่ใจตนเอง และใจร้อน มีคู่หลายคน ทำงานทางด้านเป็นไกด์นำเที่ยวหรือประชาสัมพันธ์จะดีมาก

ไฝที่โหนกแก้มซ้าย

ท่านว่า เป็นคนที่มีนิสัยใจคอกว้างขวาง ชอบในการทำบุญ มักไปได้ดีจากถิ่นที่อื่น

ไฝที่หน้าผากชิดขอบผม

เป็นคนที่มีวาสนาดี จะอุดมด้วยทรัพย์สินและบริวารมาก ถ้าเป็นหญิง ก็จะได้สามีที่ดี มีความสุขสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก โรคระบาด วิกฤตคนกับเชื้อโรค

ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก โรคระบาด วิกฤตคนกับเชื้อโรค
การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมู (Swine influenza) เป็น ความสำเร็จก้าวสำคัญของสงครามระหว่างมนุษย์กับเชื้อโรค และเป็นการยืนยันความจริงที่ว่าโรคอุบัติใหม่-อุบัติซ้ำที่สำคัญและมีโอกาส คร่าชีวิตมนุษย์ ติดต่อได้กว้างขวาง เป็นโรคที่มาจากสัตว์สู่คนเกือบทั้งสิ้น แม้จะผ่านตัวกลาง เช่น ยุง ริ้น เห็บ หรือไม่ก็ตาม


ไข้หวัดหมู ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก
ไข้หวัดหมู ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก



พัฒนาการของเชื้อโรคที่จะเข้าสู่คน แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ

1.เชื้อโรคอยู่ในสัตว์และไม่เคยติดต่อมายังคน เช่น เชื้อมาลาเรียในลิง (Relchenowl malaria)

2.มีการติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่หยุดเพียงคนคนนั้น โดยไม่มีการแพร่จากคนสู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้าจากสุนัข

3. เริ่มมีการข้ามสายพันธุ์ โดยไวรัสจากสัตว์ชนิดหนึ่งถ่ายทอดไปยังสัตว์อีกชนิดและแพร่ไปยังคน เช่น โรคอีโบล่า (Ebola) ที่มีแหล่งรังโรคในค้างคาวแพร่ไปยังลิง และส่งต่อถึงคน โดยมีการติดต่อจากคนสู่คน แต่อยู่ในวงจำกัด เนื่องจากโรคมีความรุนแรงมากในคนและผู้ติดเชื้อเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วจน ไม่สามารถส่งต่อไปคนอื่นๆ อีก

4.เชื้ออยู่ในสัตว์ได้หลายชนิด ขึ้นกับสภาวะภูมิอากาศ ความแห้งแล้ง หรืออุดมสมบูรณ์ เช่น ไวรัสในตระกูลไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ โดยอาจแฝงในลิงหรือสัตว์ขุดรูต่างๆ และมียุงเป็นพาหะกัดคน และเมื่อคนมีจำนวนไวรัสหรือเชื้อโรคมากขึ้น ก็จะถูกยุงกัด และนำเชื้อไปให้คนอื่นอีก ซึ่งเห็นได้ชัดในโรคไข้เลือดออก และเป็นสาเหตุให้ต้องพยามกำจัดยุงในบริเวณบ้านคนที่เป็นไข้เลือดออก

5. มีวิวัฒนาการในสัตว์จนสุกงอม และติดต่อไปยังคน และติดเชื้อในคนได้อย่างสมบูรณ์กระทั่งมีการติดต่อระหว่างคนสู่คนได้สำเร็จ ไม่ต้องอาศัยสัตว์อีกต่อไป เช่น โรคเอดส์จากเชื้อ HIV ที่มีต้นกำเนิดมาจากลิง


สำหรับไข้หวัดหมู พัฒนาการอาจอยู่ในระดับที่ 5 ซึ่งต่อจากนี้จะมีการแพร่ระหว่างคนสู่คน แต่จะมีประสิทธิภาพเพียงใดขึ้นกับการปรับตัวของไข้หวัดหมูในมนุษย์ โดยโรคนี้พบตั้งแต่ ค.ศ.1918-1919 ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish Flu) มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก แต่ผู้เสียชีวิตส่วนมากจะอายุ 20-40 ปี และตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งต่างจากไข้หวัดใหญ่ทั่วไป (Seasonal Flu) ที่เล่นงานเด็กเล็กและคนแก่เป็นส่วนมาก แต่คล้ายคลึงกับไข้หวัดหมูที่เราเผชิญอยู่ขณะนี้ ในช่วงนั้นมีการพบไข้หวัดในหมูเช่นกัน (J.S. Koen) และจวบจน ค.ศ.1930 จึงได้มีการแยกเชื้อได้ (Shope และ Davis) ไข้หวัดหมูยังเป็นหมูแท้ๆ อยู่อีก 80 ปี โดยไม่มีลูกผสมเป็น 3 เกลอ (พันธุกรรมหมู นก คน) ดังเช่นปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้นก็ก่อให้เกิดโรคในคนอยู่เนืองๆ มากกว่า 50 ราย เช่น ในสหรัฐ 19 ราย เชโกสโลวะเกีย 6 ราย เนเธอร์แลนด์ 4 ราย รัสเซีย 3 ราย แคนาดาและฮ่องกงอีกแห่งละ 1 ราย โดยผู้ป่วย 61% มีประวัติสัมผัสหมูและมีอายุเฉลี่ย 24 ปี หลังจากนั้นใน ค.ศ.1974 ไข้หวัดหมู (ล้วน) มีการพัฒนาโดยเกิดโรคในค่ายทหาร (Fort Dix) ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ (New Jersy) มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยที่อีก 230 ราย ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการแต่น้อยมาก ทั้งหมดนี้ไม่มีประวัติสัมผัสหมู ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีการพัฒนาจนมีการติดต่อจากคนสู่คน


การติดต่อในค่ายทหาร ทำให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดหมูให้ประชาชนทั่วไป แต่ พบว่าช่วงที่มีการฉีดวัคซีนมีผู้ป่วยเส้นประสาทอักเสบแขน ขาอัมพาต ทำให้ต้องล้มเลิกการใช้วัคซีน และข้อมูลสรุปของการเกิดอัมพาตอาจยังคลุมเคลือจนปัจจุบัน ใน ค.ศ.1988 มีผู้หญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต โดยมีประวัติสัมผัสหมูในรัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) และเริ่มสงสัยว่าไข้หวัดหมูอาจไม่ใช่พันธุ์หมูล้วน (classic H1N1) จวบจน ค.ศ.1998 จึงได้มีการพิสูจน์พบว่า หมูเลี้ยงในสหรัฐ มีไวรัสไข้หวัดหมูกลายพันธุ์ โดยมีพันธุกรรมผสมระหว่างหมู คน และนก เกิดสายพันธุ์ผสม (Triple assortant virus) H3N2, H1N2, และ H1N1 (วารสารโรคติดเชื้อ JID 2008) และสายพันธุ์ผสมนี้ยังพบได้ในเอเชีย และแคนาดา


ไข้หวัดหมูผสมสายพันธุ์ใหม่ พบได้ในประเทศสเปน (H1N1) เดือนพฤศจิกายน 2008 เป็น หญิงอายุ 50 ปี มีการไข้ ไอ เหนื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คันคอ และคันตา และหนาวสั่น ผู้ป่วยหายเองโดยไม่ต้องการการรักษาใดๆ โดยที่ผู้ป่วยทำงานในฟาร์มหมูและสัมผัสใกล้ชิดหมู ไม่มีคนใกล้ชิดในละแวกมีการติดเชื้อ ข้อสรุป ณ ขณะนั้น ยังไม่คิดว่าไข้หวัดหมูแม้เป็นสายพันธุ์ผสมแล้วจะมีอันตรายมากนัก (Eurosurveillance ฉบับ 19 กุมภาพันธ์ 2009) อย่างไรก็ดี เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดมาก่อนในรัฐวิสคอนซิน วันที่ 7 ธันวาคม 2005 ชายอายุ 17 ปี มีอาการไข้หวัดใหญ่ แต่หายเองใน 3-4 วัน มีการติดเชื้อไข้หวัดหมูลูกผสม H1N1 โดยผู้ป่วยไม่ได้มีการสัมผัสกับหมูหรือไก่ที่บริเวณบ้าน และในระหว่างช่วงเดียวกันมีรายงานการติดเชื้อลูกผสมในแคนาดาใน ค.ศ.2005 และ 2007


เห็นได้ว่าไวรัสไข้หวัดหมูมีการพัฒนาตัวเองมาตลอด แต่สิ่งที่ยากคือ หมูที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องแสดงอาการเจ็บป่วยก็ถ่ายทอดเชื้อได้ สำหรับ หมูในประเทศไทย ขณะนี้แม้จะมีเชื้อลูกผสมวนเวียนและไม่เป็นอันตรายอยู่ก็ตาม แต่ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

ตำรับดูแลผิวให้ใสกิ๊ก หนีแดด-ทานผักเยอะๆ

ตำรับดูแลผิวให้ใสกิ๊ก หนีแดด-ทานผักเยอะๆ

สุขภาพดี, ผิวดี



รศ. นพ.ปิติ พลังวชิรา ศูนย์ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ประการแรกควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะในแสงแดดประกอบด้วยแสงอัลตราไวโอเลตชนิดเอ ซึ่งมีความยาวคลื่น 320 -400 นาโนเมตร และแสงอัลตราไวโอเลตชนิดบี ที่มีความยาวคลื่น 290 - 320 นาโนเมตร

ทั้งนี้ รังสีอัลตราไวโอเลตชนิดบีจะยับยั้งการสร้างสารพันธุกรรมที่เรียกว่า "ดีเอ็นเอ" โดยจะไปขัดขวางการแบ่งตัวของเซลล์และเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งส่งเสริมให้รังสีไวโอเลตชนิดเอก่อให้เกิดผลกระทบกับผิวหนัง ด้วยการทำให้เกิดผื่นแดงไหม้จากแสงอาทิตย์ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย

ดังนั้น ใครที่ยังไม่อยากเกิดริ้วรอยก่อนวัยจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและปกป้องผิวโดย การสวมเสื้อแขนยาว กระโปรง กางเกงขายาว และสวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่มร่วมกับการทาครีมกันแดดที่มี SPF อย่างต่ำ 15

เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะ ทานผักผิวดีกว่าทานเนื้อ

สำหรับการเลือกใช้เครื่องสำอางควรเลือกชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง รู้จักทำความสะอาดผิวหนังเพื่อให้ผิวพรรณดูหมดจด

ส่วน คนที่มีเครื่องสำอางบนใบหน้า อาจต้องใช้ครีมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อช่วยในการชำระล้างขจัด สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง คราบเหงื่อไคลออกจากรูขุมขนบนใบหน้า ถ้าผิวหน้าแห้ง ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ผิวหน้าเกิดความชุ่มชื้นพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่ เพื่อร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

"การนอนหลับพักผ่อนเต็มที่จะช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสไม่หงุดหงิด พยายามควรคุมอารมณ์อย่าให้เครียด เพราะว่าความเครียดจะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายแปรปรวนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ ระบบเผาผลาญอาหารหรือระบบขับถ่าย ซึ่งส่งผลให้ผิวพรรณไม่สดใสและเกิดริ้วรอยได้"

"ขณะเดียวกันก็ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะ จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง กระชับ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายและผิวหนังดีขึ้น ทำให้ผิวพรณสดใส มีน้ำมีนวล ที่สำคัญคือการออกกำลังกายจะทำให้มีการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งทำให้คนที่ออกกำลังกายมีความสุขคลายความเครียดได้"

แต่จุดที่ไม่ควรลืมก็คือ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบหมู่ ตั้งแต่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว / วัน ควรรับประทานผักผลไม้มากๆ คนที่รับประทานผักและผลไม้จะมีผิวพรรณสดใสดูอ่อนกว่าวัยกว่าพวกที่ชอบรับ ประทานเนื้อสัตว์

นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยพบว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้จะมีจิตใจอ่อนโยนมากกว่าคนที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์


ออกกำลังกายบนใบหน้า

รศ. น.พ.ปิติบอกด้วยว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มีการเสริมแต่งผิวพรรณให้สดใส โดยเฉพาะผิวพรรณบริเวณใบหน้า มีการใช้ครีมรองพื้นซึ่งมีส่วนผสมของครีมกันแดดเพื่อให้ผิวหน้านวล ทาลิปสติก ทาบรัชออน เขียนคิ้ว เพื่อให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวา

อย่างไร ก็ตาม จะต้องไม่ลืมออกกำลังกายบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า โดยใช้วิธีการผ่อนคลาย ปล่อยวางอารมณ์แล้วอ้าปากให้ขากรรไกรตกลงมาให้มากที่สุด พยายามทำบ่อยๆ เมื่อมีโอกาส วิธีการนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากระชับ

ขณะ เดียวกันควรงดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ผิวหนังเหี่ยวแก่เร็ว โดยสาเหตุเกิดจากหลอดเลือดไปเลี้ยงผิวหนังหดตัว ทำให้ผิวหนังรับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง

ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่ม ชื้นและเกิดรอยเหี่ยวย่น รวมทั้งยังไปทำลายวิตามินต่างๆ เช่นวิามินซี และวิตามินบีรวม แถมส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง ปอดอักเสบเรื้อรัง มะเร็งปอดได้อีกด้วย


การใช้ยาลบริ้วรอย

รศ. น.พ.ปิติให้คำแนะนำทิ้งท้ายว่า ผู้หญิงบางคนใช้ยาช่วยลบริ้วรอย อย่างกรดวิตามินเอ กรดเอเอชเอ (AHA) โคเอนไซม์คิวเทน ก็ควรจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังก่อน แต่สำหรับการรับประทานโสม หรือยาอายุวัฒนาที่มีการโฆษณาอย่างแพร่หลายว่าเป็นสารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ที่บอกสรรพคุณว่าสามารถช่วยซ่อมแซมผิวพรรณให้แข็งแรง ยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นนุ่มเนียนขึ้นและช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นนั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการใดๆ ช่วยสนับสนุนสรรพคุณที่กล่าวอ้าง

ทั้ง นี้ เพราะไม่มียามหัศจรรย์ใดๆ ในโลกนี้ที่จะต่อต้านความแก่ได้ นอกเสียจากการดูแลสุขภาพกายใจของให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลและปฏิบัติตามคำแนะ นำข้างต้นที่จะทำให้ไม่เสียทั้งเงินและเสียความรู้สึกอย่างแน่นอน

อย่ามัวแต่จับหน้าอก...

อย่ามัวแต่จับหน้าอก...
นอกจากการคลำหน้าอกหามะเร็งเต้านมแล้ว ยังมีอีกหลายจุดในร่างกาย ที่เราสามารถตรวจโรคต่างๆ นานาด้วยตัวเอง

สุขภาพ
ลิ้น ให้แลบลิ้นมาจนสุด ถ้ามีจุดสีขาว สีเหลือง หรือสีส้ม กระจายอยู่ทั่วลิ้น นั่นแปลว่าคุณอาจมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไปแล้ว และอาจกำลังจะเป็นกรดไหลย้อน ทีนี้มื้อต่อๆ ไปก็แค่กินรสเผ็ดให้น้อยลงหน่อย หรือไม่ก็ลองกินยาลดกรดแต่ปรึกษาหมดก่อนก็ดีนะ

รักแร้ เมื่อไหร่ที่ผิวน้องจั๊กกะแร้เริ่มสากและดำขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เป็นไปได้ว่าคุณมีฮอร์โมนอินซูลินในเลือดมากเกินไป และนั่นคืออาการของโรคเบาหวาน ให้รีบไปตรวจเลือดดู จะได้รู้ว่าตกลงเราเป็นเบาหวานหรือใช้โรลออนมากไป

หนังศีรษะ ถ้าคุณไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมเลย แต่ก็ยังเจอผมร่วงเยอะ จนผมเริ่มบางผิดปกตินั่นอาจเป็นผลของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ รีบไปปรึกษาหมอ เพื่อวัดระดับการทำงานของต่อมไทรอยด์ ถ้ามีอะไรผิดปกติจะได้รีบรักษา

ขนหน้าท้อง ถ้าจู่ๆ ขนอ่อนๆ ที่ท้องน้อยที่เคยบางๆ พอเซ็กซี่ กลับเส้นหนา หรือ ดกขึ้น นี่คือสัญญาณหนึ่งของโรค Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) หรือ การมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นขนเลยดกและหนาขึ้นนั้นเอง รีบไปหาหมอสูตินารีแพทย์ของคุณ

ตา ไม่ได้อดนอนแต่ใต้ตาดำปิ๊ดเป็นหมีแพนด้า คุณอาจจะกำลังเป็นภูมิแพ้อยู่ก็ได้ เพราะเวลาร่างกายเราเปิดรับสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ จะเกิดปฏิกิริยาปล่อฮิสตามีน และที่อาการปรากฏให้เห็นได้ชัดก็คือ เกิดเป็นรอยคล้ำๆ ในบริเวณที่ผิวบางที่สุด ก็คือผิวใต้ดวงตานั้นเอง

5 วิธีไดเอ็ต ที่แย่ที่สุด

5 วิธีไดเอ็ต ที่แย่ที่สุด
ลดน้ำหนัก1. ไดเอ็ตด้วยการกินอาหารแค่บางประเภท

เช่น ซุปกระหล่ำปลี หรือ องุ่น แต่จะกินสักกี่ถ้วยถึงจะพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะ คนเราต้องการสารอาหารหลากหลายประเภทถ้ากินอาหารประเภทนี้ซ้ำๆ อาจจะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่คุณก็จะกลายเป็นโรคขาดสารอาหารไปในทันที


2. ไดเอ็ตดีท็อกซ์

เชื่อกันว่าเป็นการล้างสารพิษออกจากร่างกาย จริงแล้วเปล่าเลย มันกลับเป็นวิธีที่ดูโง่ที่สุดและไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์ที่วิเคราะห์แล้วว่า ดี จริงๆ แล้วอวัยวะในร่างกายของเราดีอยู่แล้วมีระบบฟอกกรองของเสียของร่างกาย เช่น ตับและปอด โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีดีท็อกซ์ในการล้างสารพิษ ฉะนัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการทำงานของร่างกายดีกว่า


3 .ไดเอ็ตด้วยอาหารหรือยามหัศจรรย์

ลืมไปได้เลยว่าจะมีอาหารหรือยาชนิดไหนสามารถช่วยลดความอ้วนของคุณได้ในระยะ เวลายาว โดยที่กินแล้วไม่มีผลกระทบข้างเคียง คุณอาจจะกินวิตามินเสริมไปกับการลดน้ำหนักได้ แต่แนะนำว่ารับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีกว่า


4. ไดเอ็ตที่ต้องอด

กลายเป็นค่านิยมสำหรับสำหรับผู้ที่อยากลดน้ำหนักไปแล้ว แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์เลย เพราะถ้าคุณกินอาหารไม่เพียงพอก็จะกลายเป็นโรคขาดสารอาหาร ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายและเมื่อคุณเลิกอดอาหาร กลับมาทานปกติระบบเผาผลาญก็จะแปรปรวนจนเกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์และกลับมาอ้วนอีก


5. ไดเอ็ตที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง

ถ้ามันฟังดูดีจนเกินไปจนไม่น่าทำได้จริง มันก็คงเป็นเช่นนั้น แผนการไดเอ็ตที่อ้างถึง "ความลับ" บางอย่างที่ตรงข้ามกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือมันก็อาจเป็น ความลับที่เป็นไปไม่ได้ก็ได้

4 ท่า ขจัดอาการปวดขาจากส้นสูง

4 ท่า ขจัดอาการปวดขาจากส้นสูง



ส้นสูง, รองเท้าส้นสูง




A นั่งพับขา แยกปลายเท้าออกให้ก้นติดพื้น มือจับฝ่าเท้าทั้งสองข้าง หันหัวแม่มือไปทางส้นเท้าและกดลงเบาๆ เหยียดแขนให้ตรง หายใจเข้าและออกช้าๆ พร้อมเอนตัวไปด้านหลัง ค้างไว้นับ 1-10 ค่อยคืนตัวกลับท่าเริ่มต้น

B นั่งไขว้ขาชัน เข่ามือจับขาทั้งสองข้าง หายใจเข้าช้าๆ พร้อมแยกเข่าออกจากัน ขณะเดียวกันให้ใช้มือทั้งสองออกแรงต้านขาไว้ หายใจเข้าอีกครั้ง นับ 1-10 ค่อยหายใจออก

C นั่งเหยียดขาข้างที่มีอาการปวดเข่า จากนั้นไขว้ขาอีกข้างทับบนเข่าข้างที่เจ็บ วางมือทั้งสองข้างราบกับพื้นข้างลำตัว เหยียดแขนตรงหายใจเข้าและออกช้าๆ พร้อมไถมือไปด้านหน้าจนสุดเท่าที่ทำได้ จนรู้สึกว่าขาที่ทับเข่าตึง จึงค่อยดึงมือกลับ

D 1 ยืนตรงพิงกำแพง ไขว้ขาขวาทับขาซ้าย ใช้มือซ้ายดึงข้อเท้าขวาขึ้น มือขวากดเข่าขวาหายใจเข้าลึกๆ พร้อมยืดหลังให้ตรงที่สุด

2 หายใจออกช้าๆ พร้อมหย่อนเข่าซ้าย ขณะเดียวกันมือขวากดเข่าขวาลง มือซ้ายออกแรงดึงข้อเท้าเท่าที่ทำได้ หายใจเข้าพร้อมยืดขาซ้ายขึ้นตรง ค่อยๆ ผ่อนมือทั้งสองข้าง จากนั้นไขว้ขาซ้ายทับขาขวา ใช้มือขวาดึงข้อเท้าซ้ายขึ้น มือซ้ายกดเข่าซ้าย ทำเช่นเดียวกันจนจบข้อที่ 2

ไฝตรงข้างจมูกด้านซ้าย,ไฝที่แก้มซ้าย

ไฝตรงข้างจมูกด้านซ้าย

ทายว่า ผู้นั้นเป็นคนมีวาสนาดี มีความอดทนและเพียรพยายามมาก มีสติปัญญา เป็นเหตุนำชีวิตไปสู่ความเจริญและราบรื่นดี
ไฝที่แก้มซ้าย

เป็นคนที่มีอำนาจวาสนาดี ชะตาชีวิตมักรุ่งเรือง แต่มีอารมณ์ทางเพศสูง

ต้มไก่ตัวให้สวย หนังไม่ลอก

ต้มไก่ตัวให้สวย หนังไม่ลอก
ทำความสะอาดไก่ ดึงขนที่ตกค้างตามส่วนต่างๆ ออกแล้วล้างให้สะอาด
รวมทั้งข้างในตัวไก่ด้วย ใส่เกลือลงในท้องไก่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต้มน้ำ
ให้เดือด นำไก่ลงต้มแล้วเบาไฟ น้ำควรท่วมตัวไก่ คอยเติมน้ำให้เดือดปุดๆ
เล็กน้อย คอยช้อนฟองออก เพื่อป้องกันคราบฟองติดบนตัวไก่ ต้มนานประมาณ
30 - 40 นาทีจนไก่สุก

คุ้มหรือ... จี้ไฝเม็ดละ 50 บาท ศัลยกรรมความงามราคาถูก

คุ้มหรือ... จี้ไฝเม็ดละ 50 บาท ศัลยกรรมความงามราคาถูก

สาวๆ ที่มีเงินอยู่ในกระเป๋าไม่มากนักต้องชะงัก พ่อค้าแม่ค้าหัวใสจึงคิดหาวิธีดึงดูด "ลูกค้า" กระเป๋าเบาด้วย "ราคา" ดั่งเช่นร้านกำจัดไฝ ฝ้า กระ ราคาย่อมเยา ที่ตั้งขึ้นในตลาดนัดต่างๆ ราคาถูกถึงขนาดบางร้านขึ้นป้ายตัวใหญ่เป้งว่า "กำจัดไฝจุดละ 50 บาท"


จาก การสำรวจแหล่งช็อปปิ้งสินค้าราคาถูก ทั้งย่านลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็พบว่ามีร้านเสริมสวยลักษณะนี้อยู่ทั่วไป โดยหน้าร้านจะมีการนำเอาป้ายโฆษณาการให้บริการตั้งอยู่ชัดเจน ในร้านมีเตียงคล้ายเตียงสระผมอยู่ประมาณ 1-2 ตัว ไว้สำหรับให้บริการลูกค้า ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ ก็จัดตั้งอยู่บนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับวางของ

สิ่งสำคัญคือ มีลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเข้ามาใช้บริการกันสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน

อย่าง เช่น ที่ร้านรับจี้ไฝย่านอนุสาวรีย์ฯร้านหนึ่ง ลักษณะของร้านเป็นห้องแคบๆ ขนาด 2X1 เมตร ด้านหน้ามีรูปนักร้องนักแสดงหญิงชื่อดังชาวอเมริกันที่มีการโยงจุดไฝใน ตำแหน่งต่างๆ และชี้คำทำนายของไฝแต่ละจุด มีโต๊ะเก้าอี้รับแขกเล็กๆ สีสันสดใส สำหรับให้ลูกค้านั่งคอย ด้านในมีฉากกั้น เพื่อให้เป็นส่วนของ "ห้องปฏิบัติการ" แต่มิได้มีเตียงแต่อย่างใด เป็นเพียงเก้าอี้ผ้าใบตั้งอยู่ ด้านข้างเป็นโต๊ะตัวเล็ก มีหลอดยาพลาสติคขวดเล็กใหญ่ กระปุกเล็กคัตตอนบัต แอลกอฮอล์ นาฬิกาเพื่อจับเวลาเท่านั้น

หลังจากที่พูดคุยกันถึงการรักษาเรียบ ร้อยแล้ว จึงเริ่มต้นการ "กำจัดไฝ" ผู้ให้บริการใส่ถุงมือยาง แล้วนำเอาคัตตอนบัตจุ่มแอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่ต้องการ จากนั้นจึงนำไม้จิ้มฟันจุ่มตัวยาสีขาว ซึ่งได้รับคำบอกกล่าวจากผู้ให้บริการว่าเป็นยาสมุนไพรไทยพร้อมกับบอกว่า ต้องทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที

"ยาตัวนี้ทาครั้งแรกจะไม่รู้สึกอะไร แค่เย็นๆ มีกลิ่นหอมคล้ายแป้งด้วย" ผู้ให้บริการบอกให้ลูกค้าสบายใจ

เวลา ผ่านไป 10 นาที ตัวยากำจัดไฝนี้เริ่มแห้ง มีลักษณะคล้ายแป้งน้ำสำหรับทาตัว จากนั้นผู้ให้บริการนำไม้จิ้มฟันอันเดิม เขี่ยให้ยาหลุดออกไป สังเกตได้ว่าขี้แมลงวันมีรอยจางลง จากนั้นผู้ให้บริการนำยามาใส่ให้อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้รู้สึกเจ็บแสบบริเวณที่ทายาเล็กน้อย แล้วต้องรออีกประมาณ 5 นาที เพื่อให้ยาแห้ง ก็จะนำไม้จิ้มฟันมาเขี่ยอีกครั้ง ครั้งนี้สังเกตได้ชัดเจนว่าขี้แมลงวันหายไปแล้ว กลายเป็นหลุมลักษณะคล้ายแผลถูกน้ำมันร้อนกระเด็นใส่

ผู้ให้บริการ ได้ใส่ยากำจัดไฝถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายผิวมีอาการปวดแสบหนักขึ้น ผิวบริเวณรอบๆ แดงเป็นวงกว้าง เมื่อพบว่าขี้แมลงวันหลุดออกหมดแล้ว ผู้ให้บริการจึงนำคัตตอนบัตจุ่มแอลกอฮอล์เช็ดแผลอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นใส่ยาเจลใสเย็น ซึ่งอ้างว่าเป็นยารักษาแผลเป็น

เป็นอันเสร็จขั้นตอน การกำจัดไฝแบบรวดเร็ว ฉับไว ราคาถูก

" อย่าถูกน้ำ 1 ชั่วโมง และห้ามรับประทานอาหารทะเล เป็นเวลา 7-10 วัน เพราะหลังจากนี้แผลจะตกสะเก็ด อาบน้ำได้ตามปกติ แต่ระวังอย่าใช้ผ้าเช็ดตัวถูแรงๆ บริเวณแผล ใช้ซับน้ำให้แห้งก็พอ และห้ามทาครีมหรือโลชั่นใดๆ เด็ดขาด เพราะมีสารเคมีจะทำให้เป็นแผลเป็นได้"

ผู้ให้บริการแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวหลังจากเข้ารับการรักษา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น

เป็น ที่น่าสังเกตว่าการบริการจี้ไฝราคาถูกนี้ แม้ดูผิวเผินอาจจะไม่น่ากังวลในเรื่องความปลอดภัยมากนัก หากแต่สภาพแวดล้อมของร้าน มิได้เป็นห้องสัดส่วนที่ควบคุมความสะอาดแต่อย่างใด เป็นที่สาธารณะเปิดกว้าง มิได้อยู่ในห้องกระจกติดแอร์ ด้านข้างเป็นร้านขายรองเท้า บางแห่งตั้งร้านอยู่ในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้า และตัวยาที่ใช้ก็มิได้มีฉลากบรรยายส่วนประกอบและสรรพคุณ รวมถึงแสดงให้เห็นว่าได้ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

เวลา ผ่านไป 2 สัปดาห์ สะเก็ดแผลเพิ่งจะหลุดออก เผยให้เห็นว่า ขี้แมลงวันหายไปแล้ว น่าดีใจที่ยาสมุนไพรได้ผล แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือ รอยแผลเป็นที่ไม่รู้ว่าจะจางหายไปหรือไม่




จี้ไฝไม่ใช่เรื่องง่าย
รศ.พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน หัวหน้าหน่วยโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ให้คำแนะนำว่า ไฝ เป็นความผิดปกติของเซลล์สร้างสี ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเกิดเป็นเซลล์มะเร็งได้ แต่ต้องสัมพันธ์กับขนาด คือ หากไฝมีขนาดใหญ่มากเกิน 10 เซนติเมตรขึ้นไปถือว่าผิดปกติ การกำจัดไฝจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นไฝจริง และเป็นไฝตื้นหรือไฝลึก จากนั้นต้องตัดไฝนั้นไปพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ถ้าเป็นเนื้อร้ายก็ต้องใช้วิธีการผ่าตัดแล้วเย็บแผล จะไม่มีการจี้ หรือฝานบริเวณผิวหนังด้านบนออก

"การไปใช้บริการการกำจัดไฝ หรือขี้แมลงวัน หรือกระ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่งความจริงหากไฝเม็ดเล็กๆ จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย หากไปใช้บริการจากผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ สารเคมีที่ใช้กำจัดไฝ จะส่งผลกระทบรบกวนต่อผิวบริเวณรอบ หากเกิดผลข้างเคียง แพทย์อาจวินิจฉัยคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งปัจจุบันนี้เทคโนโลยีในการกำจัดไฝมีประสิทธิภาพและราคาไม่แพงเกินไป"

เคล็ดลับ การหมักเนื้อเสต็ก ให้นุ่ม... อร่อย

สเต็กเคล็ดลับ การหมักเนื้อเสต็ก ให้นุ่ม... อร่อย

เคย มั๊ยค่ะ เวลาไปสั่งสเต็กทาน แล้วเจอกับเนื้อสเต็ก ที่แข็งเป็นกระดาน ถึงจะรสชาติดี แต่กลับทาน ไม่อร่อยเอาเสียเลย ทั้งนี้ก็เพราะความอร่อยของ เนื้อที่ทานจะขึ้นอยู่กับ ความนุ่มกำลังดีของ เนื้อเวลาสัมผัสลิ้นด้วยค่ะ (ย้ำ..นุ่มกำลังดีนะคะ ไม่ใช่เปื่อยจนยุ่ย )
ที นี้ถ้าเราไปถาม พ่อค้าร้านของชำ ว่าทำยังไงให้เนื้อนุ่ม เค้าก็อาจจะแนะนำให้เราใช้ ผงทำให้เนื้อเปื่อย หรือผงเนื้อนุ่ม ซึ่งโดยมากเจ้าผงดังกล่าว ก็คือ โซดาผง ซึ่งทำให้เนื้อสัตว์นุ่มได้จริงๆค่ะ แต่ประสิทธิภาพอาจมีมากกว่านั้น ก็คือทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร และลำไส้ของเรา เปื่อยนุ่มไปด้วยค่ะ (เป็นของแถมที่น่ากลัวมากๆ)

ที นี้ ถามว่าทำอย่างไรให้เนื้อสเต็กนุ่ม ทานอร่อยแต่ไม่ยุ่ยใช่ม๊า อารัมภบทอยู่ซะนาน สองนาน ครั้งหน้าถ้าจะทำสเต็ก ถ้าซื้อเนื้อแล้ว (จะเนื้อหมูหรือเนื้อวัว ก็เอาเถอะนะคะ) ก็อย่าลืมแวะไปหยิบสัปปะรดกลับบ้านด้วย ถ้าขี้เกียจปอกจะเอาแบบ ที่เค้าปอกแล้วก็ได้ค่ะ เวลาหมักก็ให้ใส่ น้ำสัปปะรดลงไปในน้ำหมักด้วย ในสัดส่วน น้ำสับปะรด 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักเนื้อ ประมาณ 1 กิโลกรัมค่ะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง (ใส่กล่องปิดฝาเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา) อยากกินของอร่อยต้องใจเย็นๆค่ะ ทีนี้ถ้าทำทานไม่หมด ก็ให้ใส่ถุงพลาสติก เรียงเข้าช่องแช่แข็งไว้ เวลาจะใช้ก็ค่อยเอาออกมา
ขอให้มีความสุขกับการรับประทาน เนื้อสเต็กอร่อยๆ นะคะ